ยินดีต้อนรับ!

1968

ก่อตั้ง SARL หรือศูนย์วิจัยทางชีววิทยาโดย เวอร์แบค

1970

เวอร์แบคเริ่มต้นทำการตลาดในต่างประเทศ โดยเริ่มต้นจากการกระจายสินค้าผ่านคู่ค้าในประเทศเยอรมันนี และเบเนลักซ์

1970

เวอร์แบค ได้พัฒนาผลิตภํณฑ์กำจัดปรสิตภายนอกชนิดปลอกคอสำหรับสุนัข ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์หลักในการสร้างยอดขายได้ของเครือฯ

1973

เวอร์แบค ได้สร้างอาคารหลังแรกซึ่งนับว่าอาคารดังกล่าวได้เป็นสำนักงานใหญ่ต่อมาในอนาคต ณ เมือง Carros ซึ่งอยู่ใกล้กับเมือง Nice โดยได้เพิ่มสายการผลิต และโกดังเก็บสินค้าขึ้นในพื้นที่ดังกล่าวอีกด้วย

1977

เวอร์แบค ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ยาปฏิชีวนะ Cephalosporin สำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ เป็นเจ้าแรกในตลาด สำหรับในประเทศฝรั่งเศสการได้เป็นยาที่เป็นทางเลือกจากการใช้ผลิตภัณฑ์ยาที่ใช้กับคน 

1982

จากความรับผิดชอบต่อการดูแลรักษาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสในทางเดินอาหารของสุนัข เวอร์แบค ได้เป็นผู้ผลิตวัคซีนป้องกันโรคพาร์โวไวรัสสำหรับสุนัขเป็นรายแรก นับได้ว่าเป็นการนำนวัตกรรมจากห้องวิจัยพัฒนาวัคซีนมาเพื่อสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ 

1982

เริ่มต้นเปิดบริษัทในประเทศเยอรมันนี ตามจากการเข้าซื้อกิจการผู้แทนจำหน่ายในประเทศ VMG ซึ่งนับได้ว่าเป็นการเริ่มต้นการทำตลาดในยุโรปเป็นครั้งแรก 

1985

เวอร์แบค ถือเป็นอันดับที่ 2 ของห้องวิจัยด้านสุขภาพสัตว์ในประเทศฝรั่งเศส และเริ่มต้นการเป็นบริษัทมหาชนในตลาดรอง หรือ Secondary Market ของตลาดหุ้นฝรั่งเศส

1987

หลังจากได้สิทธิ์ถือครองกิจการ Allerderm Inc. เราจึงได้ขับเคลื่อนธุรกิจเข้าสู่ตลาดสหรัฐอเมริกา ผ่านทางสัตวแพทย์เฉพาะทางด้านโรคผิวหนัง และเป็นจุดเริ่มต้นให้เราได้เป็นผู้นำในตลาดในอีกไม่กี่ปีต่อมา

1988

เมื่อได้คิดค้นวัคซีนโรคลิวคีเมียในแมวเป็นครั้งแรกโดยเป็นการใช้นวัตกรรมพันธุวิศวกรรมศาสตร์ จากการนำ Purified p45 FeLV-envelope Retrovirus มาใช้ นับได้ว่าครั้งนั้นเราได้มอบเครื่องมือที่เป็นประโยชน์แก่วงการสัตวแพทย์ในการจัดการโรคร้ายแรงในแมวที่ยังไม่มียารักษาใดๆ

1989

เวอร์แบค ได้ซื้อกิจการ Imperial Dog ซึ่งเป็นโรงงานผลิตอาหารสุนัขและแมว ซึ่งก่อตั้งโดยอดีตผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง Royal Canin ปัจจุบัน Virbac Nutrition เป็นสายการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงที่นับเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สำคัญของเรา 

1991

ในยุโรป เวอร์แบคได้เป็นผู้คิดค้นวัคซีนโรคพิษสุนัขป้าชนิดกินเป็นรายแรกเพื่อใช้สำหรับสุนัขจิ้งจอก 

1992

นายสัตวแพทย์ Pierre-Richard Dick ผู้ก่อตั้ง เวอร์แบค ได้เสียชีวิตลงอย่างกระทันหันด้วยวัยเพียง 55 ปี จากการล่องเรือในบริเวณ Central American sea ต่อมา Pascal Boissy ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการเงินได้ทำหน้าที่บริหารงานแทน หลังจากผ่านไป 6 เดือน บริษัทฯได้ทำการปรับโครงสร้างการบริหารเพื่อจัดตั้งคณะกรรมการบริหาร กรรมการฝ่ายกำกับดูแล โดยมี Jeanine Dick ซึ่งเป็นภรรยาของผู้ก่อตั้งดำรงตำแหน่งประธาน

1992

เราได้เปิดตลาดการขายในระดับนานาชาติ โดยเริ่มการตั้งบริษัทสาขาแห่งแรกขึ้นในภูมิภาคเอเชีย (โดยร่วมกับพันธมิตร Maruyasu ซึ่งเป็นบริษัทนำเข้า-ส่งออก ของประเทศญี่ปุ่น)

1996

บริษัทหลายๆแห่งได้ถูกรวบรวมขึ้นภายใต้บริษัทแม่แห่งเดียวนั่นคือ เวอร์แบค ฝรั่งเศส และเริ่มต้นการใช้แบรนด์สินค้าภายใต้แบรนด์  เวอร์แบค เดียวกัน 

1998

จากเคมเปญรณรงค์การฉีดวัคซีนสัตว์เลี้ยงในโปสเตอร์ "I love my pet, I vaccinate it" ที่เวอร์แบค ได้นำเสนอขึ้นมาสู่สาธารณชน เพื่อเป็นการกระตุ้นการรับรู้ด้านสุขภาพสัตว์เลี้ยงในประเทศฝรั่งเศส 

1999

Eric Marée ในวัย 48 ปีได้จบการศึกษาจาก HEC และ MBA จากมหาวิทยาลัย Cornell สหรัฐอเมริกา ได้ถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นประธานของบอร์ดคณะกรรมการบริหาร 

1999

ขอขอบคุณการเข้าซื้อกิจการ Agri-Nutrition ซึ่งบริษัทมีฐานการผลิตอยู่ที่ St. Louis รัฐ Missuri สหรัฐอเมริกา เวอร์แบคจึงได้ทำการเพิ่มไลน์สินค้ากลุ่มดูแลสุขภาพช่องปาก และผลิตภัณฑ์เพื่อการทำความสะอาดต่างๆ 

2001

เวอร์แบค ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ Interferon Omega สำหรับสุนัขและแมวขึ้นเป็นครั้งแรกในยุโรป 

2001

มูลนิธิ Pierre-Richard Dick ที่ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1993 หลังจาก Pierre-Richard Dick ผู้ก่อตั้งเวอร์แบคได้เสียชีวิตลง ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Virbac Corporate Foundation โดยมีประธานมูลนิธิเป็น Jean-Pierre Dick ผู้บุตรชาย โดยมูลนิธีนี้ก่อตั้งขึ้นเพื่อสร้างความตระหนักรู้ในสังคมเกี่ยวกับด้านการศึกษา และเน้นให้ความรู้กับเยาวชนเกี่ยวกับการบูรณาการในด้านที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิตของสัตว์ต่างๆ 

2001

เวอร์แบคได้เข้าร่วมกับการสนับสนุน Jean-Pierre Dick บุตรชายของผู้ก่อตั้ง ผู้เป็นทั้งสัตวแพทย์ และนักแข่งเรือใบอาชีพ โดยการเป็นผู้สนับสนุนในการแข่งขันในรายการที่ยิ่งใหญ่ดังกล่าวนับได้ว่าเป็นการส่งเสริมการรับรู้ในแบรนด์ต่อวิชาชีพสัตวแพทย์  และการรับรู้ในด้านสุขภาพสัตว์อีกด้วย 

2006

Marie-Hélène Dick บุตรสาวของผู้ก่อตั้ง ผู้เป็นทั้งสัตวแพทย์ และศึกษาในด้านการบริหารจาก HEC ได้ถูกแต่งตั้งขึ้นดำรงตำแหน่งประธานในบอร์ดคณะกรรมการฝ่ายกำกับดูแล  

2006

เราสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคงยิ่งขึ้นให้กับบรรดาสัตวแพทย์ และด้านปศุสัตว์ในประเทศอินเดีย หลังจากได้ทำการรวมกิจการกับ Agrivet Farm Care ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ GlaxoSmithKline ที่ดูแลฝ่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพสัตว์ ซึ่งการร่วมมือกันในครั้งนี้ได้ทำให้เราขึ้นเป็นอันดับ 1 ในตลาดประเทศอินเดีย

2008

จากสายการผลิตทั้ง 7 หน่วย เวอร์แบคได้มีฐานการผลิตในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆครอบคลุม 5 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก บราซิล ออสเตรเลีย อัฟริกาใต้ และเวียดนาม 

2008

เราได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ Deslorelin-based Implant ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อการทำหมันชั่วคราวสุนัขเพศผู้ชนิดฝังใต้หนัง ให้กับวงการสัตวแพทย์ขึ้นเป็นครั้งแรก

2010

เวอร์แบค ได้ลงนามข้อตกลงกับบริษัท Pfizer Inc. เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิบัตรของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มปศุสัตว์ ผลิตภัณฑ์กำจัดปรสิต และวัคซีนสำหรับปศุสัตว์ 

2012

เวอร์แบค ได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นหลักของ Centrovet บริษัทที่เป็นผู้นำตลาดด้านสุขภาพสัตว์ในประเทศชิลี เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนา การผลิต รวมถึงผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเพื่อควบคุมและปรับปรุงคุณภาพน้ำเย็นสำหรับสัตว์น้ำในฟาร์ม (ปลาแซลมอน และปลาเทราต์) 

2015

เวอร์แบค ได้ซื้อกิจการ Schweitzer Biotech Company ในไต้หวัน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการพัฒนาด้านการเพาะเลี้ยงเซลล์ Cell culture banks สำหรับส่งเข้าไปในสายการผลิตไวรัสวัคซีนสำหรับสุกร และสัตว์ปีก การเข้าซื้อกิจการดังกล่าวทำให้มีการจัดตั้งศูนย์กลางการศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านชีววิทยาเเห่งใหม่ขึ้น ซึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นได้รับการยอมรับว่าเป็นพื้นที่ที่มีตลาดเนื้อสุกร และสัตว์น้ำ (เขตน้ำอุ่น) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก 

2015

Virbac Corporate Foundation ได้ตระหนักถึงผลกระทบที่เกี่ยวข้องระหว่าง คน สัตว์ ต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม มีการสนับสนุนการตรวจคัดกรอง แผนการควบคุม และมีกระบวนการเพื่อป้องกันการเกิดโรค Bovine tuberculosis และโรคพิษสุนัขบ้า ใน Gonarezhou Park (ประเทศ Zimbabwe)

2016

ภายหลังการก่อสร้าง VB8 ณ เมือง Carros ในปี ค.ศ. 2014 โรงงานผลิตดังกล่าวก็พร้อมสำหรับการผลิตยาฉีดชนิดปลอดเชื้อได้อย่างเต็มรูปแบบ เวอร์แบค ยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อคุณภาพ และความยั่งยืน สำหรับการเพิ่มกำลังการผลิต ร่วมกับ Agro Navis ซึ่งเป็นแหล่งผลิตสำรองของ VB8 ในประเทศเม็กซิโก 

2017

หลังจากได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพที่ดีของสัตว์เลี้ยง (Physiological Range) ปี ค.ศ. 2016 เวอร์แบคก็ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อประกอบการรักษาโรค (Dietetic petfood) สำหรับสุนัข และแมว เพิ่มขึ้นมา โดยยืดถือหลักของการผลิตอาหารเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านโภชนาการที่เฉพาะเจาะจงของสัตว์เลี้ยง 

2017

ด้วยตำแหน่งผู้นำใน St. Michel-Virbac คุณ Jean-Pierre Dick ได้เป็นผู้ชนะเลิศในครั้งที่ 4 ของการแข่งขัน  Jacques Vabre Race (เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ Coffee Race) โดยชัยชนะนี้ได้เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในชีวิตการผจญภัยทั่วโลกตลอดระยะเวลา 17 ปีของนักเดินเรือผู้ซึ่งมีธง เวอร์แบค นำทางผู้นี้ 

2017

Sébastien Huron ในวัย 47 ปี สัตวแพทย์ผู้เป็นหัวหน้าฝ่าย Global Business Operations และเป็นหนึ่งในบอร์ดคณะกรรมการบริหารตั้งแต่ปี 2012 ได้เป็นผู้ชนะเหนือ Éric Marée ในการเข้ารับตำแหน่งประธานบริหาร  

2018

ตลอด 2 วัน ในเดือน ก.ย. 2561 เราได้ฉลองการครบรอบปีที่ 50 ระหว่างครอบครัวของผู้ก่อตั้ง และบรรดาพนักงานกว่า 3,000 คน ที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมอันแสนอบอุ่น ได้การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมจากหลากหลายประเทศ ทั้งนี้ก็เพื่อการสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคงในการมอบสุขภาพที่ดีให้เกิดขึ้นกับสัตว์ต่างๆต่อไป

2018

เราสร้างตลาดของกลุ่มอาหารเสริมขึ้นในหลายๆประเทศในแถบเอเชีย (ไต้หวัน เวียตนาม ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และประเทศไทย) โดยมุ่งหวังให้เกิดการเพิ่มคุณภาพชีวิต เพิ่มอัตราการรอดชีวิตให้กับลูกหมูตั้งแต่แรกเกิดถึงอายุ 10 วัน

2018

เราได้รับรางวัลชนะเลิศ Pharmapack Europe Award สำหรับผลิตภัณฑ์ Smart-Cap หรือส่วนฝาสามารถสกัดผลิตภัณฑ์ของเหลวได้อย่างปลอดภัย (และยังได้รับการรับรองจาก ADF Paris Award ในปี 2019 อีกด้วย) นับเป็นความภูมิใจของทีมงานอย่างยิ่ง

2018

เราได้เพิ่มสินค้าในกลุ่มของขบเคี้ยวที่พัฒนาเทคโนโลยี (FR3SH Technology) เพื่อดูแลสุขภาพช่องปากและฟันขึ้นเป็นครั้งแรก โดยผลิตภัณฑ์ในกลุ่มดังกล่าวสามารถช่วยลดกลิ่นปากที่มีสาเหตุจากภายในช่องปาก และทางเดินอาหาร

2018

เราได้มีโอกาสในการเกิดก้าวกระโดดครั้งสำคัญเกิดขึ้นในหลายประเทศในแถบเอเชีย ขอขอบคุณโปรแกรมป้องกันโรค Porcine Circovirus ซึ่งเป็นโรคที่ก่อเกิดการสูญเสียอย่างมากในฟาร์มเลี้ยงสุกร ผลิตภัณฑ์นี้ได้พัฒนาขึ้นโดยทีมนักวิจัยของเรา ด้วยการหายีนที่ก่อโรคในภูมิภาคที่มีการระบาด วัคซีนที่คิดค้นขึ้นมานี้ได้ช่วยจำกัดความรุนแรงของการระบาดในแหล่งที่มีการผลิตสุกรมากเป็นอันดับต้นๆของโลกได้เป็นอย่างดี

2020

เราได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ ยาฉีดเข้าก้อนมะเร็งชนิด Canine Mastocytomas เป็นครั้งแรกในงาน the European and North American Veterinarians ซึ่งเป็นมะเร็งชนิดที่เกิดได้มากเป็นอันดับที่สอง และมักพบในบริเวณผิวหนังของสุนัข นับได้ว่านี่เป็นการเปิดโอกาสใหม่ๆในการรักษามะเร็งที่ผิวหนังในสุนัข